วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กลุ่มคำและประโยค


กลุ่มคำ(วลี)

กลุ่มคำ หรือ วลี หมายถึง การนำคำตั้งแต่สองคำขึ้นไปมาเรียงกัน มีใจความไม่สมบูรณ์เพราะขาดส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ประธาน หรือ ภาคแสดง จึงไม่ถือเป็นประโยค

กลุ่มคำ หรือ วลี สามารถแบ่งออกได้เป็น ๗ ชนิด ดังนี้
๑. นามวลี คือ กลุ่มคำที่นำหน้าด้วยคำนาม
   เช่น เด็กหลายคน 
๒. สรรพนามวลี คือ กลุ่มคำที่นำหน้าด้วยคำสรรพนาม
   เช่น เราทุกคน
๓. กริยาวลี คือ กลุ่มคำที่นำหน้าด้วยคำกริยา
   เช่น ไปแต่เช้าตรู่
๔. วิเศษณ์วลี คือ กลุ่มคำที่นำหน้าด้วยคำวิเศษณ์
   เช่น งามเหลือหลาย
๕. บุพบทวลี คือ กลุ่มคำที่นำหน้าด้วยคำบุพบท
   เช่น หน้าบ้าน
๖. สันธานวลี คือ กลุ่มคำที่นำหน้าด้วยคำสันธาน
   เช่น เพราะเหตุนี้
๗. อุทานวลี คือ กลุ่มคำที่นำหน้าด้วยคำอุทาน
   เช่น ว้าย คุณพระช่วย

http://thaiphrasesandsentences.blogspot.com/2010/08/blog-post.html (yayalovelyy)18-02-2556

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ขอต้อนรับเข้าสู่การเรียนรู้ภาษาไทย

                                 คำไทยแบ่งออกเป็น 7 ชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะและหน้าที่แตกต่างกันออกไป การเรียนรู้เรื่องลักษณะของคำเพื่อสร้างเป็นกลุ่มคำและประโยคเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่งในการเรียนและการใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน
       


       คำแต่ละคำมีความหมาย ความหมายของคำจะปรากฏชัดเมื่ออยู่ในประโยค การสังเกตตำแหน่งและหน้าของคำในประโยคจะช่วยให้เราทราบชนิดของคำรวมทั้งความหมายด้วย ดังนั้นการศึกษาให้เข้าใจหน้าที่และชนิดของคำในประโยคจึงมีความสำคัญมากเพราะจะช่วยให้เราสามารถใช้คำได้ถูกต้องตรงตามความหมายที่ต้องการ

 ในการใช้ภาษาจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทราบว่าคำไนมีที่ใช้อย่างไร เพื่อประโยชน์ในการสื่อสาร นักไวยากรณ์ได้สังเกตความหมายและหน้าที่ของคำในประโยค              
                      แล้วจึงแบ่งคำในภาษาไทยออกเป็นชนิดได้ 7 ชนิด คือ
                                      1. คำนาม
                                      2. คำสรรพนาม
                                      3. คำกริยา
                                      4. คำวิเศษณ์
                                      5. คำบุรพบท
                                      6. คำสันธาน
                                      7. คำอุทาน
 คำนาม คือคำที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์สิ่งของ แบ่งเป็น 5 ชนิดคือ
           1. สามานยนาม
         
 2. วิสามานยนาม
           3. สมุหนาม
           4. ลักษณนาม
           5. อาการนาม 


 คำสรรพนาม คือคำที่ใช้แทนคำนาม แบ่งเป็น 6 ชนิดคือ           1. บุรุษสรรพนาม
           2. ประพันธสรรพนาม
           3. นิยมสรรพนาม
           4. อนิยมสรรพนาม
           5. ปฤจฉาสรรพนาม
           6. วิภาคสรรพนาม

  คำกริยา คือ คำที่แสดงอาการของคำนาม สรรพนาม แสดงการกระทำในประโยค แบ่งออกเป็น 4 ชนิดคือ
           
1. สกรรมกริยา
           2. อกรรมกริยา
           3. วิกตรรถกริยา
           4. กริยาอนุเคราะห์

    คำวิเศษณ์ คือคำจำพวกที่ประกอบคำอื่น เพื่อให้ได้ความชัดเจนยิ่งขึ้น แบ่งเป็น 10 ชนิดคือ
          
1. ลักษณวิเศษณ์
          2. กาลวิเศษณ์
          3. สถานวิเศษณ์
          4. ประมาณวิเศษณ์
          5. นิยมวิเศษณ์
          6. อนิยมวิเศษณ์
          7. ปฤจฉาวิเศษณ์
          8. ประติเษธวิเศษณ์
          9. ประติชญาวิเศษณ์
          10.ประพันธวิเศษณ์

บุรพบท คือคำที่ใช้นำหน้านาม สรรพนาม หรือกริยาบางพวก ทำหน้าที่ให้ได้ความเนืองกันและได้ความชัดเจน จำแนกออกเป็น 2 ชนิด คือ          
          1. บุรพบทที่ไม่เชื่อมกับคำอื่น
          2. บุรพบทที่เชื่อมกับคำอื่น


     สันธาน คือคำที่ใช้เชื่อมคำหรือข้อความให้ต่อเนื่องกัน คำสันธานนั้นเป็นคำเดียวก็มี เช่น และ แต่ เป็นกลุ่มคำก็มี เช่น เพราะฉะนั้น แต่ทว่า หรือมิฉะนั้น เป็นกลุ่มแยก
         คำกันก็มี เช่น ฉันใด...ฉันนั้น คงจะ...จึง ถ้า...ก็
         ลักษณะการเชื่อมของสันธาน พอจะจำแนกได้ดังนี้
         
1. เชื่อมความให้คล้อยตามกัน
         2. เชื่อมความที่ขัดแย้งกัน
         3. เชื่อมให้เลือกเอา
         4. เชื่อมความที่เป็นเหตุผล 
         
5. เชื่อมความให้แยกต่างตอน 
         
6. เชื่อมความแบ่งรับรอง
         7. เชื่อมความให้สละสลวย 
  อุทาน คือ คำแสดงความรู้สึกของผู้พูด แบ่งเป็น
          1. อุทานบอกอาการ
          2. อุทานเสริมบท

(yayalovelyy) 01-02-2556

ชมพระอาทิตย์ตกทะเล ที่แหลมพรหมเทพ

แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต
แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต


ชมพระอาทิตย์ตกทะเลสวยที่สุดในเมืองไทย ที่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต (ททท.)

          จุดท่องเที่ยวยอดนิยมของเกาะภูเก็ต มุมมองสวยที่สุดในการชมพระอาทิตย์ตก และได้รับการประกาศให้เป็นจุดสำคัญทางดาราศาสตร์จุดหนึ่งของเมืองไทย

          แม้จะรู้จักกันดีว่านี่คือแหล่งท่องเที่ยวอันดับ 1 ของเกาะภูเก็ต แต่แหลมพรหมเทพก็ยังเป็นสัญลักษณ์อันมั่นคง ที่คนมาภูเก็ต ต้องไปดูพระอาทิตย์ตกทะเลผ่านดงตาลและปลายแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ วันเวลาพิเศษสุดพลาดไม่ได้ต้องไปในฤดูแล้งที่ฟ้าใสทะเลสวย เดือนธันวาคมหญ้าบนปลายแหลมจะกลายเป็นสีทอง ในยามเย็นใครเห็นก็ต้องยอมรับว่าพระอาทิตย์ตกทะเลสวยที่สุดของประเทศไทยอยู่ที่นี่
แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต

แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต


          ช่วงเวลาที่ดีที่สุด : ช่วงพระอาทิตย์ตกประมาณ 18.00 น.
          ฤดูกาลที่ดีที่สุด : ฤดูร้อน ราวเดือนธันวาคมเดือนถึงมีนาคม
          จุดชมวิวที่ดีที่สุด : บริเวณสันเขื่อนบนแหลมพรหมเทพ


แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต

แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต

เส้นทางการเดินทาง

          จากตัว จ.ภูเก็ต เดินทางด้วยทางหลวงหมายเลข 4022 จนถึงห้าแยกฉลองแล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4024
ผ่านหาดราไวย์ ไปจนถึงแหลมพรหมเทพ

  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อที่ ททท.สำนักงานภูเก็ต โทร. 076 211 036, 076 212 213

http://travel.kapook.com/view9039.html (yayalovelyy) 01-02-2556